CAMBODIA, 5-8 December 2003

7 December 2003 (day 3/4)
ปราสาทพนมบาเคง (Phanom Bakheng and Tonle Sap)
ตั้งอยู่บนเขาลูกเล็กมีความสูงประมาณ 70 เมตร มีชื่อเรียกในสมัยโบราณว่าปราสาทพนมกันดาล (พนม แปลว่า ภูเขา, กันดาล แปลว่า กลาง) ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างปราสาทพนมกรอมกับปราสาทพนมบก ซึ่งอยู่บนภูเขาขนาดใกล้เคียงกัน ต่อมาเรียกปราสาทนี้ว่า ปราสาทพนมบาแคงตามลักษณะของต้นบาแคง (คล้ายต้นมะขาม) ที่มีอยู่มากในบริเวณภูเขานี้ ชื่อของปราสาทดั้งเดิมจริงๆ นั้นเรียกว่า ปราสาทยโศธระปุระ คือใช้ชื่อของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 นั่นเอง ตัวปราสาทอยู่ใจกลางของยอดเขาปราสาทพนมบาแคง จำลองลักษณะมาจากปราสาทบากอง

สถาปัตยกรรมคล้ายกับรูปทรงแบบปิรามิด ที่ตัวระเบียงแต่ละชั้นมีปราสาทเล็กๆ 4 มุม ภายในปรางค์ประธานมีศิวลึงค์ตั้งอยู่ตั้งแต่ พ.ศ.1450 ในปีที่เริ่มสร้างปราสาท ในขณะที่การก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปจาก พ.ศ. 1450-1471 นานถึง 21 ปี หลังจากนั้นอีก 40 ปีในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมปราสาทนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก พระพุทธรูปที่เห็นในปรางค์ประธานนั้น มีการอัญเชิญพระพุทธรูปขนาดใหญ่ขึ้นไปประดิษฐานบนแท่นหินทรายแทนศิวลึงค์เมื่อ พ.ศ. 2059

ปราสาทพนมบาแคง เป็นศาสนสถานแห่งแรกของเมืองพระนคร ทางขึ้นอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นเขาสูงชัน ปัจจุบันตัวปราสาททรุดโทรมลงมากแต่ยังมีความยิ่งใหญ่ เริ่มจากบันไดขึ้นสู่ปรางค์ประธานที่มีอยู่ 5 ชั้น แต่ละชั้นมีปรางค์เล็ก 12 ปราสาท รวม 5 ชั้น มี 60 ปราสาท ส่วนบนยอดมีปรางค์บริวารล้อมรอบปรางค์ประธานอีก 4 ปราสาท เสมือนเป็นการจำลองยอดเขาพระสุเมรุรวมทั้งหมดมี 89 ยอด

ตัวปราสาท ตั้งอยู่บนยอดเขา จึงเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม โดยเฉพาะเห็นยอดปราสาทนครวัดผุดขึ้นกลางป่า ในยามบ่าย แสงสาดส่องเข้าปรางค์ปราสาทนครวัดทำให้เห็นเป็นสีทอง นอกจากนั้นยังเห็นวิวได้ 360 องศา เป็นบารายทิศตะวันตกซึ่งกลางบารายนี้จะมีสระเล็กๆ เป็นที่ตั้งของปราสาทแม่บุญตะวันตก นอกจากนี้ยังเห็นตัวเมืองเสียมเรียบ เห็นยอดเขาพนมบกที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 14 กิโลเมตรและเทือกเขาพนมกุเลนทอดยาว สามารถเยี่ยมชมได้ทั้งช่วงตอนบ่าย-เย็น เพราะจะได้ดูพระอาทิตย์ส่องตัวปราสาทนครวัด หรือจะรอดูพระอาทิตย์ตกก็สวยงาม

พวกเราขึ้นไปข้างบนเจอเพื่อนรักคือคุณบัวแดงและครอบครัว ซึ่งอยู่กรุงเทพไม่ค่อยได้พบกัน แต่กลับไปเจอกันบนเขาที่ฝั่งเขมรโน้น

นั่งรอพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งหัวหน้า tour guide สั่งว่า ถ้าพราะอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ต้องรีบลงจากเขาโดยทันที เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า จะมองไม่เห็นทาง จะเกิดอันตรายในการเดินลงได้ เลยขอแนะนำว่าให้พกไฟฉายไปด้วยคนละอัน จะได้ไม่ต้องรีบลงเหมือนพวกเรา
ทางขึ้นปราสาทมี 2 ทาง ทางแรกขึ้นด้านหน้า ค่อนข้างชัน เป็นดินแดงผสมหินก้อนใหญ่ๆ ไม่ได้ทำให้เดินสบายๆ แต่ต้องมีความพยายามสักหน่อย อีกทางหนึ่งคือทางช้างเดิน ทางนั้นจะดีกว่าเป็นทางดินแดง แต่กว้าง ไม่ชันแต่ระยะทางจะยาวกว่าเล็กน้อย เราใช้เดินลงจากปราสาทซึ่งปลอดภัยกว่า
บรรยากาศยามเย็น ใกล้พระอาทิตย์จะตกดินบนปราสาทพนมบาแคง


มีวิธีดูทัศนียภาพเหนือแผ่นดินเขมรด้วยการขึ้น balloon ด้วย


โตนเลสาบ (Tonle Sap)
ประเทศกัมพูชามีทะเลสาบน้ำจืดซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียชื่อว่า “โตนเลสาบ” (Tonle Sap) มีแม่น้ำโขงไหลผ่านยาว 500 กิโลเมตร จากนั้นไหลเข้าสู่เวียดนามลงสู่ทะเลจีนใต้ นับว่าเป็นแม่น้ำนานาชาติ และเชื่อกันว่าปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ว่ายทวนน้ำจากโตนเลสาบขึ้นสู่ประเทศไทย-ลาว ก่อนไปผสมพันธุ์ที่จีนซึ่งเป็นต้นแม่น้ำโขง
โตนเลสาบ อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 100 กิโลเมตร ฤดูน้ำหลากน้ำท่วมถึง 7,500 ตารางกิโลเมตร ลึกถึง 10 เมตร โตนเลสาบครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กำปงธม กำปงซะนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมเรียบ ในโตนเลสาบมีปลาชุกชุมกว่า 300 ชนิด
การนั่งเรือท่องเที่ยวชมบรรยากาศของโตนเลสาป ก็แบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นและบรรยากาศยามเช้า หรือช่วงเย็นชมบรรยากาศก่อนตะวันลับฟ้า

การทำมาหากินบริเวณโตนเลสาป จะมีเรือนแพของชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับการจับปลา มีบ้านพัก ร้านอาหาร และร้านของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อปี 2003 ห้องน้ำที่จะให้ความสะดวกกับนักท่องเที่ยวยังไม่มี ต้องไปขอชาวบ้านเพื่อเข้าห้องน้ำ ซึ่งดูแล้วก็ไม่ใช่ห้องน้ำ แต่กลายเป็นห้องครัวซึ่งที่พื้นไม้กระดานมีช่องเล็กๆ ให้เราได้ปัสสาวะผ่านลงไปใต้ถุนบ้านเขานั้นเอง เฮอ!! อะไรมันจะปฎิบัติการธรรมชาติขนาดนี้ได้หนอ
บรรยากาศในเรือ tour guide ชาวเขมรลงมากับพวกเราด้วย


ร้านขายของที่ระลึกในคลองก่อนออกไปที่ปากน้ำโตนเลสาบ
มีชาวบ้านเลี้ยงงูเอาไว้เป็นเพื่อน ส่วนจระเข้นั้นไม่รู้จะเป็นเพื่อนตอนไหน

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเขมร พรุ่งนี้เช้า เดินทางกลับกรุงเทพ

8 December 2003 (day 4/4)
check out จากที่พัก ก็เดินทางออกจากโรงแรม ด้วยรถ mini bus เหมือนเดิมกลับกรุงเทพ เดินทางกลับตามเส้นทางเดิมที่เรามา 

มาขึ้นรถทัวร์ฝั่งไทยกลับกรุงเทพ ระหว่างทางแวะกินอาหารมือค่ำแถวๆ ที่จังหวัดปราจีนบุรีอาหารอร่อย คุณนฤทธิ์ขึ้นเวทีร้องเพลงให้ฟังด้วย หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ...

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx



No comments: