+of+a6+c6.jpg)
Australia-Czech-Italy-Switzerland
6-23 April 2007 รวม 14 คืน 17 วัน
(เที่ยว 4 ประเทศ)
ไป Europe คราวนี้ - หน่อย-อุ๊-ชมพู-ชัย-ธา กะกันว่าเราจะเดินทางครั้งนี้แบบ bag pack สักที หลังจากที่เดินตระเวนหาซื้อกระเป๋าแบบ back pack อยู่หลายแห่ง หลายวัน ในที่สุดแล้วก็ต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าลากแบบมีล้อ เพราะธาบอกว่าลากดีกว่า ถ้าต้องแบกกระเป๋านานๆ หลังจะเมื่อยล้ามาก ซึ่งต้องยอมรับว่าเห็นด้วยตามที่ว่าจริงๆ พื้นถนนบางประเทศนั้น มันจะเป็นก้อนหินไม่เรียบและขรุขระมาก ขนาดของกระเป๋าก็ต้องไม่ใหญ่โตเกินไป เพื่อจะได้สะดวกในการลากและยกขนขึ้นลงรถไฟด้วย
ไป Europe คราวนี้ - หน่อย-อุ๊-ชมพู-ชัย-ธา กะกันว่าเราจะเดินทางครั้งนี้แบบ bag pack สักที หลังจากที่เดินตระเวนหาซื้อกระเป๋าแบบ back pack อยู่หลายแห่ง หลายวัน ในที่สุดแล้วก็ต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าลากแบบมีล้อ เพราะธาบอกว่าลากดีกว่า ถ้าต้องแบกกระเป๋านานๆ หลังจะเมื่อยล้ามาก ซึ่งต้องยอมรับว่าเห็นด้วยตามที่ว่าจริงๆ พื้นถนนบางประเทศนั้น มันจะเป็นก้อนหินไม่เรียบและขรุขระมาก ขนาดของกระเป๋าก็ต้องไม่ใหญ่โตเกินไป เพื่อจะได้สะดวกในการลากและยกขนขึ้นลงรถไฟด้วย
ความจริงที่น่าสังเกตุ สำหรับผู้ที่ชอบแบบ back pack จริงๆ แล้ว ต้องลงทุนสักที ควรที่จะซื้อแบบมียี่ห้อสักหน่อย เวลาซื้อก็ลองเอาของหนักๆ ใส่ลงในกระเป๋าเพื่อทดลองรับน้ำหนักดูด้วย เพราะผู้มีประสบการณ์เล่าว่า ถ้าเป็นกระเป๋าเลียนแบบเมื่อเราใส่ของหนักๆ ลงในกระเป๋า น้ำหนักมันจะดึงถ่วงให้แอ่นไปด้านหลังและดึงไหล่เราให้ปวดเมื่อยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ถูกต้องนั้นน้ำหนักจะต้องถ่วงแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของเราจึงจะถูกต้อง ซึ่งสามารถ back pack ไปถึงไหนถึงกันได้อย่างสบายไม่ปวดหลัง
เรื่องความสำคัญของกระเป๋าลากแบบมีล้อที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อนเรามีกระเป๋าที่แข็งแรงพอสมควรลากไปมาแล้วก็หลายประเทศ ก็ยังต้องเจอกับปัญหาล้อหลุดที่ Prague เดินย้อนตามทางเดิน ตามไปเก็บเอาล้อคืนมาได้แต่ก็ใส่คืนให้เหมือนเดิมไม่ได้ เลยจำเป็นต้องเดินทางต่อด้วยสามล้อเท่าที่มี เพื่อนอีกคนหนึ่งที่ Ceskey Krumlov เมืองมรดกโลกในประเทศ Prague เมื่อลากกระเป๋าไปตามพื้นถนนเรื่อยๆ ล้อข้างหนึงก็เกิดยุบเข้าไปข้างในโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งรอบวงของล้อมันถูกลากไปกับพื้นถนนจนสึกหมด สรุปว่าล้อใช้ไม่ได้ไป 1 ล้อเช่นกัน
จึงอยากแนะนำผู้เดินทางที่จะใช้กระเป๋าแบบลากด้วยว่า จะต้องเป็นกระเป๋าที่มีล้อที่แข็งแรงจริงๆ กระเป๋าที่ได้แถมมากับสินค้ายี่ห้อต่างๆ นั้น ขอให้ลืมไปได้เลย คิดว่าคงลากไปได้ไม่ไกลนัก ล้ออาจจะหลุดมากกว่า 1 ล้อแน่ๆ
ในประเทศยุโรปนั้นเค้ามีนโยบายบังคับให้ผู้เดินทางต้องทำประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีประมาณ 2-3 บริษัทที่รับทำประกัน พวกเราเลือก Bupa Health Insurance เสียค่าเบี้ยประกัน 1,695 บาท เริ่มประกันตั้งแต่วันเดินทางคือ 6-23 เมษายน สามารถติดต่อสอบถามราย ละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้ที่ โทร 02 234-7755, Fax 02 632 0678 หรือ http://www.bupathailand.com/
ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง
บริษัท บูพา ประกันสุขภาพ(ประเทศไทย) จำกัด 38 อาคารคิวเฮ้าส์คอนแวนต์ ชั้น 9 ถ.คอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 แพรวพรรณโทรศัพท์ : 0-2234-7755 EXT.648,02-232-8555 โทรสาร : 02-233-2885,02-234-5667 สามารถโทรติดต่อเพื่อขอใบคำขอเอาประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง (Application for World-Wide Travel Health Insurance)
วางแผนการเดินทาง
เราเริ่มวางแผนการเดินทางกันตั้งแต่ประมาณเดือน ธันวาคม 2006 ว่าเราต้องการจะไปประเทศไหนเป็นประเทศแรก แต่ละเมืองจะพักกี่คืน และเที่ยวนานกี่วัน ต้องวางแผนกันให้ดีก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบิน มิฉะนั้นจะมีปัญหาเรื่องการปรับเปลี่ยนเส้นทางการบินหลายครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ Agency บางรายไม่ค่อยพอใจที่จะให้บริการ หรือไม่ก็ทำให้เพื่อนของเราที่ต้องทำหน้าที่จองตั๋วเครื่องบินเลิกคบเราไปเลยก็เป็นได้ อุ๊และธาเริ่มจัดการจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2006 ธากับชัยเลือกจอง Hotel ทาง internet ธาเช็คเวลารถไฟ ชัยซื้อ ตั๋วรถไฟ Swiss pass ราคา 6,135 บาทที่บริษัท Diethelm Travel Co., Tel. 0-2255 9150 (ถ้าต้องการเช็ครายละเอียดเกี่ยวกับ rail pass ก็เช็คได้ที่ http://www.raileurope.com/ ชัยจัดการจองเรื่องรถเช่าที่ Austria พี่หน่อยกับชมพูรอว่าเมื่อไหร่วันเดินทางจะมาถึงสักที แต่พอกลับจากการเดินทาง ชมพูก็จะมีหน้าที่เป็นผู้รวบรวมรูปทั้งหมดลงแผ่นแจกให้พวกเราทุกคน และพี่หน่อยก็มีหน้าที่มานั่งทำ blog เก็บไว้อ่านนี่แหละ
สายการบินที่น่าสนใจมีหลายสายเช่น
1. Qatar Airways ค่าตั๋วเครื่องบินในช่วงเดือนนี้ก็ประมาณ – 38,150 บาท แต่ยังไม่รวมค่าตั๋วที่จะต้องบินจาก Vienna ไป Prague อีกประมาณ 10,000 บาท และจะต้องรอต่อเครื่องที่ Dubai ทำให้ถึง Vienna ก็บ่ายๆ เสียเวลาไปอีกครึ่งวันแรก
2. Swiss Air ไม่มีรวมที่พัก
3. Swiss Package จะมีรวมโรงแรมด้วยบางเมือง
4. Austrian Airlines พวกเราตัดสินใจเลือกสายการบินนี้เพราะ ราคา 39,230 บาท (ไม่รวม 3% charge ถ้าจ่าย credit card) สายนี้รวมบินภายในด้วย สองครั้งด้วยกัน คือจาก Vienna-Innsbruck และ Zurich-Vienna ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วด้วยบัตร Credit Card เพราะว่าจะมีประกันชีวิตเรื่องอุบัติเเหตุ แต่ก่อนออกเดินทางก็อย่าลืมบอกคนทางบ้านด้วยล่ะว่า เรามีกรมธรรม์ประกันชีวิตอะไรบ้าง
เราเริ่มวางแผนการเดินทางกันตั้งแต่ประมาณเดือน ธันวาคม 2006 ว่าเราต้องการจะไปประเทศไหนเป็นประเทศแรก แต่ละเมืองจะพักกี่คืน และเที่ยวนานกี่วัน ต้องวางแผนกันให้ดีก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบิน มิฉะนั้นจะมีปัญหาเรื่องการปรับเปลี่ยนเส้นทางการบินหลายครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ Agency บางรายไม่ค่อยพอใจที่จะให้บริการ หรือไม่ก็ทำให้เพื่อนของเราที่ต้องทำหน้าที่จองตั๋วเครื่องบินเลิกคบเราไปเลยก็เป็นได้ อุ๊และธาเริ่มจัดการจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2006 ธากับชัยเลือกจอง Hotel ทาง internet ธาเช็คเวลารถไฟ ชัยซื้อ ตั๋วรถไฟ Swiss pass ราคา 6,135 บาทที่บริษัท Diethelm Travel Co., Tel. 0-2255 9150 (ถ้าต้องการเช็ครายละเอียดเกี่ยวกับ rail pass ก็เช็คได้ที่ http://www.raileurope.com/ ชัยจัดการจองเรื่องรถเช่าที่ Austria พี่หน่อยกับชมพูรอว่าเมื่อไหร่วันเดินทางจะมาถึงสักที แต่พอกลับจากการเดินทาง ชมพูก็จะมีหน้าที่เป็นผู้รวบรวมรูปทั้งหมดลงแผ่นแจกให้พวกเราทุกคน และพี่หน่อยก็มีหน้าที่มานั่งทำ blog เก็บไว้อ่านนี่แหละ
สายการบินที่น่าสนใจมีหลายสายเช่น
1. Qatar Airways ค่าตั๋วเครื่องบินในช่วงเดือนนี้ก็ประมาณ – 38,150 บาท แต่ยังไม่รวมค่าตั๋วที่จะต้องบินจาก Vienna ไป Prague อีกประมาณ 10,000 บาท และจะต้องรอต่อเครื่องที่ Dubai ทำให้ถึง Vienna ก็บ่ายๆ เสียเวลาไปอีกครึ่งวันแรก
2. Swiss Air ไม่มีรวมที่พัก
3. Swiss Package จะมีรวมโรงแรมด้วยบางเมือง
4. Austrian Airlines พวกเราตัดสินใจเลือกสายการบินนี้เพราะ ราคา 39,230 บาท (ไม่รวม 3% charge ถ้าจ่าย credit card) สายนี้รวมบินภายในด้วย สองครั้งด้วยกัน คือจาก Vienna-Innsbruck และ Zurich-Vienna ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วด้วยบัตร Credit Card เพราะว่าจะมีประกันชีวิตเรื่องอุบัติเเหตุ แต่ก่อนออกเดินทางก็อย่าลืมบอกคนทางบ้านด้วยล่ะว่า เรามีกรมธรรม์ประกันชีวิตอะไรบ้าง
เนื่องจาก Routing การเดินทางของเรา เริ่มที่ Innsbruck ใน Austria และจบที่ Vienna ใน Austria พวกเราจึงไปขอ visa ที่ สถานฑูต Austria ซึ่งเป็น Schengen Visa ได้ visa ที่เดียวเดินทางเข้า Prague, Italy, Switzerland, Germany ได้หมด เราควรจะต้องจัดแผนการท่องเที่ยวของประเทศแรกให้มากกว่าประเทศอื่นๆ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในการขอ visa มิฉะนั้นทางสถานฑูตอาจจะแนะนำให้เราไปขอวีซ่าที่สถานฑูตอื่นๆ หลังจากเราได้รับ visa แล้วจะปรับเปลี่ยนในรายละเอียดอีกทีนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร
สถานฑูตออสเตรีย ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ สาธรใต้ 31 ทุ่งมหาเมฆ กท เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/
(เมื่อปี 2007 สถานฑูตตั้งอยู่ที่ ซอยอรรถการประสิทธิ์ สาธรใต้ เมื่อขึ้นมาจากรถไฟฟ้า MRT ก็ให้เดินไปทางถนนสาธร จะเป็นซอยแรกด้านซ้ายมือติดกับตึก LH Bank สามารถเดินเข้าซอยไปสัก 200 เมตร ถ้าต้องการหาจุดนัดพบเพื่อน แนะนำที่ตึก LH Bank มีร้าน Starbuck และ Whittard เป็นร้านชงชาได้รสชาติดีมาก และ Sandwich ก็อร่อยดี ควรจะกินอาหารเช้าไปก่อนเพราะบางครั้งต้องรอนานมากๆ รอบๆ สถานฑูตไม่มีน้ำและอาหารขาย
เวลาทำการของสถานฑูต Austria สถานฑูตฯ เปิดทำงานตั้งแต่ 0900-1600 น. และเนื่องจาก สถานทูต Austria เป็นสถานทูตเล็กมากๆ ไม่มีที่ให้นั่ง ผู้ที่ไปขอ visa จึงต้องมีความอดทนในการยืนคอยด้วย ที่ด้านหน้าสถานทูตมีที่จอดรถประมาณ 5-6 คัน ก่อนเข้าสถานทูต ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนให้ Security ที่นั่งอยู่หน้าประเทางเข้าทำการบันทึกและเก็บไว้ก่อน และมารับคืนเมื่อยื่นเรื่องเสร็จ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในสถานทูต ถ้าต้องการใช้ก็เดินออกไปนอกประตูรั้วได้
http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/
(เมื่อปี 2007 สถานฑูตตั้งอยู่ที่ ซอยอรรถการประสิทธิ์ สาธรใต้ เมื่อขึ้นมาจากรถไฟฟ้า MRT ก็ให้เดินไปทางถนนสาธร จะเป็นซอยแรกด้านซ้ายมือติดกับตึก LH Bank สามารถเดินเข้าซอยไปสัก 200 เมตร ถ้าต้องการหาจุดนัดพบเพื่อน แนะนำที่ตึก LH Bank มีร้าน Starbuck และ Whittard เป็นร้านชงชาได้รสชาติดีมาก และ Sandwich ก็อร่อยดี ควรจะกินอาหารเช้าไปก่อนเพราะบางครั้งต้องรอนานมากๆ รอบๆ สถานฑูตไม่มีน้ำและอาหารขาย
เวลาทำการของสถานฑูต Austria สถานฑูตฯ เปิดทำงานตั้งแต่ 0900-1600 น. และเนื่องจาก สถานทูต Austria เป็นสถานทูตเล็กมากๆ ไม่มีที่ให้นั่ง ผู้ที่ไปขอ visa จึงต้องมีความอดทนในการยืนคอยด้วย ที่ด้านหน้าสถานทูตมีที่จอดรถประมาณ 5-6 คัน ก่อนเข้าสถานทูต ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนให้ Security ที่นั่งอยู่หน้าประเทางเข้าทำการบันทึกและเก็บไว้ก่อน และมารับคืนเมื่อยื่นเรื่องเสร็จ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในสถานทูต ถ้าต้องการใช้ก็เดินออกไปนอกประตูรั้วได้
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับขอ Visa มี ดังนี้
ปัจจุบัน ( update ข้อมูล May 2015)
เอกสารจำเป็นในการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท
*** เอกสารทุกอย่างที่เป็นภาษาไทย จะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน ***
หมายเหตุ ในการแปลเอกสารนั้นผู้สมัครจะต้องแปลเอกสารตามต้นฉบับเท่านั้น
โปรดทราบ: ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าทุกท่านจะต้องเตรียมเอกสารตามที่ระบุไว้ด้านล่างให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนทำการยื่นขอวีซ่า
หนังสือเดินทาง: ควรมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากการเดินทางกลับออกจากกลุ่มประเทศเชงเก้น และ จะต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้าในหนังสือเดินทาง ถ้าหากไม่มีหน้าว่าง 2 หน้าตามที่กำหนด ผู้ยื่นจำเป็นต้องทำหนังสือเดินทางใหม่ก่อนการยื่นขอวีซ่า
ปัจจุบัน ( update ข้อมูล May 2015)
เอกสารจำเป็นในการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท
*** เอกสารทุกอย่างที่เป็นภาษาไทย จะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน ***
หมายเหตุ ในการแปลเอกสารนั้นผู้สมัครจะต้องแปลเอกสารตามต้นฉบับเท่านั้น
โปรดทราบ: ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าทุกท่านจะต้องเตรียมเอกสารตามที่ระบุไว้ด้านล่างให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนทำการยื่นขอวีซ่า
หนังสือเดินทาง: ควรมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากการเดินทางกลับออกจากกลุ่มประเทศเชงเก้น และ จะต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้าในหนังสือเดินทาง ถ้าหากไม่มีหน้าว่าง 2 หน้าตามที่กำหนด ผู้ยื่นจำเป็นต้องทำหนังสือเดินทางใหม่ก่อนการยื่นขอวีซ่า
1. ใบคำร้องขอวีซ่าที่กรอกข้อมูลทุกอย่างโดยสมบูรณ์ 1ชุด
2 สำเนาหน้าหนังสือเดินทาง จำนวน 2 ใบ
3. รูปถ่ายสีที่มีพื้นหลังสีขาว และเป็นรูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป
5. หนังสือรับรองการทำงาน 1 ฉบับ ให้ระบุ อาชีพ เงินเดือน และระยะเวลาในการทำงาน (เป็นภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน ) หรือ กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว ให้ใช้ใบจดทะเบียนการค้าที่มีชื่อผู้สมัคร
(ส่วนกรณีที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ ผู้สมัครจำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงถึงที่มาของรายได้ในชีวิตประจำวัน)
ถ้าเป็นนักเรียนต้องมีหนังสือรับรองการเป็นนักเรียน หรือ นักศึกษา
6. เอกสารทางการเงิน เช่น (สมุดบัญชีธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน พร้องอัพเดทล่าสุด หรือ Bank Certificate จากธนาคาร ในกรณีที่มีการ support หรือ ออกค่าใช้จ่ายให้ จำเป็นที่จะต้องทำหนังสือ Sponsor letter ( เป็น บิดา มารดา หรือ สามี ภรรยา ) พร้อมแนบเอกสารเชื่อมโยงความสัมพัน อาทิ เช่น ทะเบียนสมรส หรือ สูติบัตร พร้อม แปล ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาเยอรมัน หากในกรณีที่ผู้สมัครมีคนเชิญ จากทางออสเตรียแล้วก็ตามถ้าผู้สมัครประกอบอาชีพก็มีความจะเป็นที่จะต้องแสดงรายได้ของตัวเองด้วย เช่นกัน
7.ใบจองตั๋วเครื่องบิน (Ticket Reservation) จะต้องเป็นหัวของสายการบินนั้นๆที่ผู้สมัครจองโดยทางสถานทูตจะไม่รับใบจองตั๋วผ่านทาง Travel Agency
8.ในการณี มีการเชิญจากเพื่อนที่เป็นชาว Austria ให้ผู้สมัคร แสดง Code เชิญจากสถานีตำรวจที่ ออสเตรีย พร้อมทั้งแสดง หน้า หนังสือเดินทางของคนเชิญ ประกอบด้วย (ในกรณีไปพักกับเพื่อน ญาติ หรือ คุ่สมรส)
9. เอกสารเกี่ยวกับที่พัก (Hotel Booking) จำเป็นต้องครอบคลุมตลอดระยะเวลาการเดินทาง ให้ต่อเนื่องกับตั๋วเครื่องบินของผู้สมัครและจะต้องเป็นภาษาอังกฤษหรือ ภาษาเยอรมันเท่านั้นรวมถึงต้องระบุที่อยู่ของที่พักให้ชัดเจน
10. ค่าธรรมเนียมวีซ่าต้องชำระในวันที่ยื่นคำร้องขอวีซ่า (จะเปลี่ยนประจำทุกเดือนขึ้นอยู่กับค่าเงินในเดือนนั้นๆ
ในกรณีพำนักแค่ในประเทศออสเตรียประเทศเดียวหลายวันให้ทำด้วยเช่นกันว่าผู้สมัครเดินทางไปเที่ยวที่ไหนบ้าง10.1 ตารางการเดินทางในกรณีที่ผู้สมัคร เดินทางมากกว่า 1 ประเทศ ให้ระบุว่าผู้สมัครจะมีเดินทางไปที่ไหนบ้าง.หรือ
06 Apr 07 BKK-Vienna Flight OS 26 Dep 2355 Arr 0535
07 Apr 07 Vienna-Innsbruck Flight OS 915 Dep 0655 Arr 0750
07 Apr 07 Vienna-Innsbruck Flight OS 915 Dep 0655 Arr 0750
21 Apr 07 Zurich-Vienna Flight OS566 Dep 1955 Arr 2115
21 Apr 07 Vienna-BKK Flight OS 25 Dep 2320 Arr 1420- BKK 22 Apr 07
ระยะเวลา และเส้นทางการเดินทาง 6-23 เมษายน 2007 รวม 14 คืน 17 วัน
Day 00 April 06, Bangkok – Wien (1 night on the plane)
Day 01 April 07, Wien - Innsbruck – Salzburg (1 night)
Day 02 April 08, Salzburg – Hallstatt (1 night)
Day 03 April 09, Hallstatt - Truansee - St. Wolfgang (1 night)
Day 04 April 10, St. Wolfgang - Attersee - Linz – Cesky Krumlov (1st nights)
Day 05 April 11, Cesky Krumlov (2nd nights)
Day 06 April 12, Cesky Krumlov – Praha (1 night)
Day 07 April 13, Praha - Venezia (1 night บนรถไฟ)
Day 08 April 14, Venezia (1 night ที่ Venezia)
Day 09 April 15, Venezia – Milano (1 night)
Day 10 April 16, Milano – Zermatt (1st nights)
Day 11 April 17, Zermatt (2nd nights)
Day 12 April 18, Zermatt – Interlaken (1 night)
Day 13 April 19, Interlaken - Montreux – Bern (1 night)
Day 14 April 20, Bern - Zurich – Luzern (1 night)
Day 15 April 21, Luzern – Zurich -Wien
Day 16 April 22, Wien-Bangkok (1 night on the plane)
Day 17 April 23, Bangkok
Day 00 April 06, Bangkok – Wien (1 night on the plane)
Day 01 April 07, Wien - Innsbruck – Salzburg (1 night)
Day 02 April 08, Salzburg – Hallstatt (1 night)
Day 03 April 09, Hallstatt - Truansee - St. Wolfgang (1 night)
Day 04 April 10, St. Wolfgang - Attersee - Linz – Cesky Krumlov (1st nights)
Day 05 April 11, Cesky Krumlov (2nd nights)
Day 06 April 12, Cesky Krumlov – Praha (1 night)
Day 07 April 13, Praha - Venezia (1 night บนรถไฟ)
Day 08 April 14, Venezia (1 night ที่ Venezia)
Day 09 April 15, Venezia – Milano (1 night)
Day 10 April 16, Milano – Zermatt (1st nights)
Day 11 April 17, Zermatt (2nd nights)
Day 12 April 18, Zermatt – Interlaken (1 night)
Day 13 April 19, Interlaken - Montreux – Bern (1 night)
Day 14 April 20, Bern - Zurich – Luzern (1 night)
Day 15 April 21, Luzern – Zurich -Wien
Day 16 April 22, Wien-Bangkok (1 night on the plane)
Day 17 April 23, Bangkok
เราจะออกตั๋วเมื่อเราได้ visa เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สรุปค่าใช่จ่ายบางรายการก่อนการเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบิน 39,230 บาท ค่า visa xxxx ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง 1,695 บาท ค่าตั๋วรถไฟ Swiss Pass ซื้อที่ Diethelm Travel Co. ราคา 6,135 บาท
อัตราแลกเงิน ณ วันที่ 6 เมษายน 2007
แลกเงินที่ SCB สนามบิน 20,216 x 28.88 = 700.00 CHF
อัตราแลกเงิน ณ วันที่ 6 เมษายน 2007
แลกเงินที่ SCB สนามบิน 20,216 x 28.88 = 700.00 CHF
แลกเงินที่ SCB สนามบิน 20,060 x 47.20 = 425.00 Euro
MP แลกเงินกับเพื่อน 13,900 x 46.40 = 300.00 Euro
วันเดินทาง Friday 6 April 2007 เวลา 23.55 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เสร็จจากการตรวจเอกสารขาออกแล้ว ด่านสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องก็ต้องตรวจสัมภาระใน Hand bag อีกที จนท. สายการบิน Austrian Airlines ที่ counter check in ได้แจกถุงพลาสติกให้กับผู้โดยสารเอาไว้สำหรับใส่ cream หรือของเหลวที่ไม่แน่ใจ เพื่อเอาไว้ให้ จนท. สายการบินใน Austria ได้ตรวจอีกครั้งตอนต่อเครื่องบินภายในประเทศ ว่าจะอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ใส่แยกเอาไว้ในถุงและถ้าเค้าสงสัย เค้าจะไม่ถามแต่จะทิ้งไปทันที
Saturday 7 April 2007, (day 1/17)
เดินทาง จาก Vienna ไป Innsbruck, Austria
ด้วยสายการบินภายในประเทศ Vienna-Innsbruck Flight OS 915 Dep 0655 Arr 0750
Innsbruck-Inn river1. Vienna 2. Burgenland (บูร์เก็นลันต์) 3. Carinthia (คา-ริน-เธีย) 4. Lower Austria
5. Upper Austria 6. Salzburg ซาลส์-บูร์ก 7. Styria (สที-เรีย) 8. Tirol (ทิ-โรล)
9. Vorarlberg (ฟอ-ราล-แบร์ก)
* ภูเขาที่สูงที่สุดคือ Glosslockner สูง 3,797 เมตร ** แม่น้ำสายหลักคือ Danube ยาว 350 กม.
อาคารแบบเก่าๆ มีลวดลายและสีสวยๆ แบบ Baroque ที่ Innsbruck
Dom St. Jakob, the Baroque cathedral
Old Town ที่ Innsbruck
เดินเล่นเรียบแม่น้ำ Inn rivers
Goldenes Dachl, The symbol of Innsbruck the Golden Roof is an oriel window added in 1500.It is covered with 2,657 filded copper rooftiles. Innsbruck in Austria, 7 April 2007
ที่สนามบิน Kranebittten-Innsbruck ประเทศ Austria
Innsbruck เดินทางจาก Vienna โดยสายการบิน Tyrolean Airways เวลา 0655 น. ถึงสนามบิน Kranebitten Airport Innsbruck โดย Flight OS 915 ตามเวลา 0750น. เช้าวันนั้นมีคนใช้บริการเที่ยวบินไม่มากนักที่นั่งว่างเหลืออีกมาก เครื่องบินค่อนข้างใหญ่ คือ แถวซ้าย มีสองที่นั่ง แถวขวามีสามที่นั่ง ผู้โดยสารได้รับแจก ขนม 1 ชิ้น และ coffee หรือ tea และน้ำดื่ม 1 ขวดเล็กๆ ซึ่งถ้าใครกินน้ำไม่ค่อยจุ ก็จะเป็นขวดเล็กที่ไม่หนักมากสามารถนำไปเติมน้ำและเอาติดตัวไปด้วยตลอดเวลาการเดินทางได้เป็นอย่างดี เราไปรับกระเป๋าได้เลยโดยไม่ต้อง ผ่านพิธีการ Immigration อีก
เดินทางด้วยสายการบินภายในประเทศของ Austria คือ Tyrolean Airways
รถเช่า Ford Station Wagon 5 ที่นั่ง
ติดต่อกับ Hertz car rental ที่อยู่ในอาคารใกล้ๆ นั้น เราต้องเดินออกไปภายนอกอาคารสนามบิน จนท. จัดการเรื่องเอกสารเสร็จ และการจ่ายเงินค่าเช่ารถ 3 วัน 4 คืน รวม 16,367.05 บาท (ไม่รวมค่าน้ำมัน 1,400 บาท) เราก็ไปรับรถที่ลานจอดรถได้เลย เป็นรถ Ford Station Wagon สีน้ำเงิน 5 ที่นั่ง ใส่กระเป๋าพวกเราได้ พอดี เราใช้รถเป็นพาหนะในประเทศ Austria เท่านั้น ค่าเช่ารถ 3 วัน 4 คืน รวม 16,367.05 บาท ค่าน้ำมัน 1,400 บาท
ชัยเตรียมการและอาสาเป็นผู้ขับรถให้เหมือนเคย จ่ายค่าทำใบขับขี่สากลที่เมืองไทยไป 550 บาท เราขับรถเข้าไปในเมือง Innsbruck เพื่อหาที่จอดรถ ซึ่งก็พอหาได้ แต่ปัญหาคือเราไม่มีเหรียญพอสำหรับหยอดเครื่อง ซึ่งจะต้องใช้ประมาณ 2 Euro ก็จะจอดได้ประมาณ 2 ชม.เราจึงจำเป็นต้องขับเข้าไปจอดใน Parking Area ซึ่งต้องรอเวลาเปิด 10.00 น.ซื่งเราจอดเอาไว้ประมาณ ตั้งแต่ 10.00 น. ถึง ประมาณ 14.00 น. จ่ายค่าจอดรถไป 4 Euro
เดินเล่นในเมือง Innsbruck Street by street ซึ่งเมืองไม่ใหญ่มาก มีแม่น้ำ Inn river ไหลผ่านกลางเมืองเป็นสีเขียวใสสะอาด อาคารบ้านเรือน มีสีสันสวยงาม ร่มรื่น อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใส และน่าทึ่งที่เค้ายังคงอนุรักษ์รถราง และยังสามารถให้บริการกับพลเมืองและนักท่องเที่ยวอยู่ในเมืองเป็นประจำ
Goldenes Dachl, The symbol of Innsbruck the Golden Roof is an oriel window added in 1500.It is covered with 2,657 filded copper rooftiles. Innsbruck in Austria, 7 April 2007
ถนนสายหลักเดินไป Old town ซึ่งมีอาคารสวยๆ แบบ Baroque ให้ดูมากมาย
Lunch มื้อแรกที่ Mc Donald ใน Innsbruck กิน 1 ชุด Big Mc+French Fried+Coke อร่อยไป 4.99 Euro เพื่อนๆ ลองลิ้มรสแบบอินเดีย ก็ต้องเพิ่มเงินอีก 1 Euro เป็น 5.00 Euro และได้ใช้บริการห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย สะอาดและสะดวกดี ป้าย Logo ของ McDonald ที่นี่มีหลายแบบ บ้างก็เหลี่ยม บ้างก็กลม และเป็นสีเหลืองโดยไม่มีพื้นหลังสีแดง แต่ตัวอักษรยังคงเดิม
ป้ายร้านค้าต่างๆ ก็มีลวดลายประดิษฐิ์แข่งกันให้ดูสวยงาม แปลกตาดี
ประมาณบ่าย 3 โมง เราเดินทางออกจาก Innsbruck โดยรถยนต์ที่เช่า เพื่อไปพักที่ Salzburg 1 คืน
สนามบิน Vienna เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Austria-Flight OS ถึง เวลา 05.45 น. ตามเวลา เราไม่ได้แวะเที่ยว Vienna แต่จะต้องเดินทางต่อไปที่ Innsbruck เมื่อลงจากเครื่องบิน ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าจะเดินไปขึ้นเครื่องบินที่จะไป Innsbruck ได้ที่ไหน เค้าก็บอกให้เดินตามป้าย B เรื่อยๆ เดินขึ้นๆ ลงๆ บันได อยู่หลายครั้ง จนไปพบเจ้าหน้าที่ Immigration ทำงานกันอยู่ 2 คน เค้าทำงานเร็วมาก สะดวกดี คนละไม่ถึง 2 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย บ้านเรายังทำเร็วเท่านี้ไม่ได้ เราต้องผ่านการตรวจ Hand bag อีกครั้ง สัมภาระกระเป๋าใหญ่นั้น Check ตรงไปที่ Innsbruck แล้ว Hand bag ทุกคนผ่านเรียบร้อยดี ยกเว้น Vaseline cream สำหรับทามือขวดใหม่เอี่ยมของเพื่อน ต้องถูกโยนทิ้งเพราะขวดมีปริมาณมากเกินกว่า 100 ml น่าเสียดายจัง ส่วนของอีกคน ก็ต้องกินน้ำให้หมด หรือจะให้เค้าโยนทิ้งไปเลยก็ได้ เพื่อนเลือกกินน้ำแล้วค่อยทิ้งขวดเปล่า
มีต่อ .......... ขับรถต่อไปยัง Salzburg และพัก 1 คืน
No comments:
Post a Comment